likitdee on com
แนะนำตัว
แชทรูม
เว็บบอร์ด
สมุดเยี่ยมชม
ลิงค์
แนะนำ-ติชม
Back
Ent' ไม่ติดผิดด้วยหรือ?
Q: วัยรุ่นสมัยนี้ยังยึดติดกับค่านิยมเก่าๆ เช่น ยึดติดกับชื่อเสียงของสถาบัน เนื่องจาก
คิดว่าถ้าได้เข้าไปศึกษาในสถาบันที่มีชื่อเสียงแล้ว จะทำให้โก้เก๋และสามารถโอ้อวดว่า
ตนมีความสามารถ อีกทั้งคิดว่าถ้าได้เข้าศึกษาแล้วจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ
รุ่งโรจน์ และทำให้มีอนาคตอันเลิศหรู เป็นที่ยกย่องของสังคม ฉะนั้นวัยรุ่นจึงพากัน
มุ่งหวังที่จะต้องEnt'ให้ติด โดยการทำทุกวิถีทาง เช่น ไปเรียนกวดวิชาตามที่ต่างๆที่ไหน
ใครว่าดี ก็จะพากันไปเรียนจนไม่มีเวลาพักผ่อน กลัวว่าจะอ่านหนังสือไม่ทัน อ่านไม่ได้มาก
กลัวจะรู้น้อยกว่าคนอื่น กลัวไปต่างๆนานา จนบางคนถึงกับหันไปเสพยาบ้า โดยหลงเชื่อว่า
ยาบ้านี้จะช่วยให้ตนขยันมากขึ้น อ่านหนังสือได้มากขึ้นโดย ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า
หรือง่วงนอน บางคนก็หันไปใช้วิธีโกงข้อสอบ โดยการจ้างคนมาช่วยในการสอบ เช่น
ตี๊ด ติ๊ด การส่งรหัสเข้ามือถือ หรือ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ถูกจ้างจะให้พกพาไว้ตอนสอบ
ดังที่เคยตกเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ เล่ห์กลต่างๆจึงถูกนำมาใช้ในสนามสอบแห่งนี้
ตลอดจนระบบเส้นสายต่างๆ เพียงเพื่อขอให้ Ent' ติดเพียงอย่างเดียว ครอบครัวก็มีส่วนผลักดัน
ทำให้เด็กคิดไปตามนั้น เนื่องจากครอบครัวมีค่านิยมว่าถ้าลูกได้เรียนและจบจากมหาลัยดังๆแล้ว
จะเป็นศักดิ์เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล สังคมก็เช่นกัน เพราะสังคมจะให้การยกย่องผู้ที่ได้เข้าไปศึกษา
ในมหาลัยดังๆ เช่น การรับคนเข้าทำงานก็จะพิจารณาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงก่อนโดยไม่ให้โอกาส
ให้เด็กได้แสดงความสามารถ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเร้า จึงทำให้เกิดค่านิยมเช่นนี้ไม่รู้จบ
ดังนั้นผู้ผิดหวังจากการ Ent' ไม่ติด จึงรู้สึกผิดมาก ด้วยเนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่มีอารมณ์รุนแรง
ฉะนั้นจึงเสี่ยงกับการดำเนินชีวิตของเด็กเป็นอย่างมาก เพราะบางรายเกิดการท้อแท้สิ้นหวัง
จนคิดสั้น เช่น ทำตัวเสเพล หันไปพึ่งพายาเสพติดในการแก้ปัญหา บางรายประชดชีวิตด้วยการ
ทำร้ายผู้อื่น บางรายทำร้ายตนเองถึงขั้นฆ่าตัวตาย ผู้ปกครองบางคนไม่เข้าใจซ้ำเติมเด็ก
กล่าวหาว่าที่ Ent'ไม่ติดก็เพราะยังขยันไม่พอ บางครอบครัวอาจไม่ได้ตั้งใจซ้ำเติม แต่คำพูดทำให้
เด็กที่กำลังมีจิตใจอ่อนไหวอยู่แล้วคิดมาก เช่น การพูดถึงคนที่สอบติดบ่อยๆให้เด็กฟัง การชมเชย
คนที่สอบติด สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบกระเทือนจิตใจเด็กได้ ฉะนั้นแล้วเราจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร
 
A: ครอบครัวเป็นอย่างแรกที่ควรเลิกยึดติดกับค่านิยมเกี่ยวกับสถาบันก่อน หันมาใส่ใจดูแลพูดคุย
ด้วยความรักและพยายามเปลี่ยนความคิดให้เด็กใหม่ โดยช่วยกันปลูกฝังว่าทุกสถาบันต่างก็ให้
ความรู้ทัดเทียมกัน ความรู้และความสามารถเกิดจากการแสวงหา และขวนขวายจากตัวบุคคล
ต่างหาก ไม่ว่าเราจะเรียนที่ไหนค่าของคนเท่าเทียมกันหมด ดังมีคำพูดว่า เมล็ดพันธุ์ดี ไม่ว่าจะตก
อยู่ที่ใดก็สามารถเจริญงอกงามได้ ถ้าเราหมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ย เหมือนที่ธรรมชาติให้แค่พรสวรรค์

แต่พรแสวงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างเอง ครอบครัวควรจะสอนให้เด็กรู้จักเผื่อใจไว้รับความ

ผิดหวังบ้าง ถ้าเมื่อไหร่ผิดหวังก็ขอให้ให้นำความผิดหวังมาเป็นบทเรียน เพื่อเป็นกำลังใจ
ลุกขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริงและสร้างชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้ ให้เด็กรู้สึกว่าเขาไม่ว้าเหว่
ยังมีคนรักและเห็นคุณค่าในตัวของเขา พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป และสอนให้เขารู้ว่า
ความสำเร็จของคนเราไม่ใช่อยู่ที่การ Ent'ติด หรือไม่ติดไม่ใช่สิ่งที่นำมาตัดสินชีวิตเราว่า
จะประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จของชีวิตอยู่ที่การรู้จักปฏิบัติตนให้ถูกต้องกับโอกาส
และจังหวะของชีวิต ตลอดจนความมานะ อดทน ขยัน เป็นแรงส่งให้เราได้พบความสำเร็จของชีวิตได้
สังคมก็เช่นกันควรให้โอกาสแก่ทุกๆคน โดยการพิจารณาจากความสามารถและควรยกย่อง
ผู้ที่มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และความมีน้ำใจ

ท้ายนี้อยากฝากให้เป็นข้อคิดแก่วัยรุ่นว่า

ความสำเร็จใช่ตัดสินที่Ent'ติด Ent'ไม่ติดได้ดีก็มีถม
ได้เรียนแล้วไม่มีหรอกที่อับจน ไม่ต้องสนว่าจะเรียนที่แห่งใด
สถาบันมิได้บอกถึงความเก่ง คนจะเก่งต้องเก่งเพราะขวนขวาย
Ent'ไม่ติดอย่าคิดฆ่าตัวตาย มันน่าอายยิ่งกว่าEnt'ไม่ติดเอย
และขอฝากแกเพื่อนวัยรุ่นทุกคนที่กำลังเรียนหนักว่า
อย่าเพราะความท้อแท้จึงแพ้พ่าย แม้เหน็ดหน่ายเหนื่อยหนักจงพักเสีย
ตราบเมื่อกายและใจหายอ่อนเพลีย สูงก็เตี้ยไกลก็ใกล้ใช่ยากเย็น
สวัสดีทุกๆท่าน