Ent'
ไม่ติดผิดด้วยหรือ?
|
Q: วัยรุ่นสมัยนี้ยังยึดติดกับค่านิยมเก่าๆ
เช่น ยึดติดกับชื่อเสียงของสถาบัน เนื่องจาก |
คิดว่าถ้าได้เข้าไปศึกษาในสถาบันที่มีชื่อเสียงแล้ว
จะทำให้โก้เก๋และสามารถโอ้อวดว่า |
ตนมีความสามารถ
อีกทั้งคิดว่าถ้าได้เข้าศึกษาแล้วจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ |
รุ่งโรจน์
และทำให้มีอนาคตอันเลิศหรู เป็นที่ยกย่องของสังคม ฉะนั้นวัยรุ่นจึงพากัน |
มุ่งหวังที่จะต้องEnt'ให้ติด
โดยการทำทุกวิถีทาง เช่น ไปเรียนกวดวิชาตามที่ต่างๆที่ไหน |
ใครว่าดี ก็จะพากันไปเรียนจนไม่มีเวลาพักผ่อน
กลัวว่าจะอ่านหนังสือไม่ทัน อ่านไม่ได้มาก |
กลัวจะรู้น้อยกว่าคนอื่น
กลัวไปต่างๆนานา จนบางคนถึงกับหันไปเสพยาบ้า โดยหลงเชื่อว่า |
ยาบ้านี้จะช่วยให้ตนขยันมากขึ้น
อ่านหนังสือได้มากขึ้นโดย ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า |
หรือง่วงนอน
บางคนก็หันไปใช้วิธีโกงข้อสอบ โดยการจ้างคนมาช่วยในการสอบ เช่น |
ตี๊ด ติ๊ด
การส่งรหัสเข้ามือถือ หรือ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ถูกจ้างจะให้พกพาไว้ตอนสอบ
|
ดังที่เคยตกเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์
เล่ห์กลต่างๆจึงถูกนำมาใช้ในสนามสอบแห่งนี้ |
ตลอดจนระบบเส้นสายต่างๆ
เพียงเพื่อขอให้ Ent' ติดเพียงอย่างเดียว ครอบครัวก็มีส่วนผลักดัน |
ทำให้เด็กคิดไปตามนั้น
เนื่องจากครอบครัวมีค่านิยมว่าถ้าลูกได้เรียนและจบจากมหาลัยดังๆแล้ว |
จะเป็นศักดิ์เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
สังคมก็เช่นกัน เพราะสังคมจะให้การยกย่องผู้ที่ได้เข้าไปศึกษา |
ในมหาลัยดังๆ
เช่น การรับคนเข้าทำงานก็จะพิจารณาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงก่อนโดยไม่ให้โอกาส |
ให้เด็กได้แสดงความสามารถ
เนื่องจากสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเร้า จึงทำให้เกิดค่านิยมเช่นนี้ไม่รู้จบ
|
ดังนั้นผู้ผิดหวังจากการ
Ent' ไม่ติด จึงรู้สึกผิดมาก ด้วยเนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่มีอารมณ์รุนแรง
|
ฉะนั้นจึงเสี่ยงกับการดำเนินชีวิตของเด็กเป็นอย่างมาก
เพราะบางรายเกิดการท้อแท้สิ้นหวัง |
จนคิดสั้น
เช่น ทำตัวเสเพล หันไปพึ่งพายาเสพติดในการแก้ปัญหา บางรายประชดชีวิตด้วยการ |
ทำร้ายผู้อื่น
บางรายทำร้ายตนเองถึงขั้นฆ่าตัวตาย ผู้ปกครองบางคนไม่เข้าใจซ้ำเติมเด็ก
|
กล่าวหาว่าที่
Ent'ไม่ติดก็เพราะยังขยันไม่พอ บางครอบครัวอาจไม่ได้ตั้งใจซ้ำเติม แต่คำพูดทำให้ |
เด็กที่กำลังมีจิตใจอ่อนไหวอยู่แล้วคิดมาก
เช่น การพูดถึงคนที่สอบติดบ่อยๆให้เด็กฟัง การชมเชย |
คนที่สอบติด
สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบกระเทือนจิตใจเด็กได้ ฉะนั้นแล้วเราจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร
|
|
A: ครอบครัวเป็นอย่างแรกที่ควรเลิกยึดติดกับค่านิยมเกี่ยวกับสถาบันก่อน
หันมาใส่ใจดูแลพูดคุย |
ด้วยความรักและพยายามเปลี่ยนความคิดให้เด็กใหม่
โดยช่วยกันปลูกฝังว่าทุกสถาบันต่างก็ให้ |
ความรู้ทัดเทียมกัน
ความรู้และความสามารถเกิดจากการแสวงหา และขวนขวายจากตัวบุคคล |
ต่างหาก ไม่ว่าเราจะเรียนที่ไหนค่าของคนเท่าเทียมกันหมด
ดังมีคำพูดว่า เมล็ดพันธุ์ดี ไม่ว่าจะตก |
อยู่ที่ใดก็สามารถเจริญงอกงามได้
ถ้าเราหมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ย เหมือนที่ธรรมชาติให้แค่พรสวรรค์ |
แต่พรแสวงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างเอง
ครอบครัวควรจะสอนให้เด็กรู้จักเผื่อใจไว้รับความ
|
ผิดหวังบ้าง
ถ้าเมื่อไหร่ผิดหวังก็ขอให้ให้นำความผิดหวังมาเป็นบทเรียน เพื่อเป็นกำลังใจ
|
ลุกขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริงและสร้างชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้
ให้เด็กรู้สึกว่าเขาไม่ว้าเหว่ |
ยังมีคนรักและเห็นคุณค่าในตัวของเขา
พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป และสอนให้เขารู้ว่า |
ความสำเร็จของคนเราไม่ใช่อยู่ที่การ
Ent'ติด หรือไม่ติดไม่ใช่สิ่งที่นำมาตัดสินชีวิตเราว่า |
จะประสบความสำเร็จ
แต่ความสำเร็จของชีวิตอยู่ที่การรู้จักปฏิบัติตนให้ถูกต้องกับโอกาส |
และจังหวะของชีวิต
ตลอดจนความมานะ อดทน ขยัน เป็นแรงส่งให้เราได้พบความสำเร็จของชีวิตได้
|
สังคมก็เช่นกันควรให้โอกาสแก่ทุกๆคน
โดยการพิจารณาจากความสามารถและควรยกย่อง |
ผู้ที่มีความขยัน
อดทน ซื่อสัตย์ และความมีน้ำใจ |
ท้ายนี้อยากฝากให้เป็นข้อคิดแก่วัยรุ่นว่า
|